วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

งาน อ.กาน

แบบสำรวจความพึงพอใจ ศูนย์สารสนเทศ


    ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม *


    ระยะเวลาที่ทำงานร่วมกับศูนย์สารสนเทศ *


    วุฒิการศึกษาสูงสุด


    ประเภทงานที่ท่านรับผิดชอบในปัจจุบัน


    ท่านได้รับความสะดวกในการติดต่อในการขอข้อมูลต่างๆ กับศูนย์สารสนเทศ *


    เจ้าหน้าที่ให้บริการด้วยความสุภาพเป็นมิตร


    เจ้าหน้าที่เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในงานที่ให้บริการ


    เจ้าหน้าที่มีความกระตือรือร้นและเต็มใจให้บริการ


    เจ้าหน้าที่แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย


    โดยภาพรวมท่านมีความพึงพอใจในการบริการให้บุคลากรในระดับใด *

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การสื่อสารแบบอะซิงโคนัสและซิงโคนัส

ซิงโครนัส และ อะซิงโคนัส


การสื่อสารแบบอะซิงโคนัส (Asynchronous Transmission)
     การสื่อสารแบบอะซิงโคนัส หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็น การสื่อสารแบบระบุจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด (Start-Stop Transmission) ลักษณะของสัญญาณที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันจะประกอบไปด้วย บิตเริ่มต้น (start bit) บิตของข้อมูลที่สื่อสาร (transmission data) จำนวน บิต บิตตรวจข้อผิดพลาด(parity bit) และบิตสิ้นสุด (stop bit) สำหรับบิตตรวจสอบข้อผิดพลาดจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ดังนั้นสัญญาณจึงต้องประกอบด้วยส่วนประกอบอย่างน้อย ส่วน ดังรูป

รูปที่ การสื่อสารแบบอะซิงโคนัสที่ไม่ได้ใช้พารีตี้บิต


รูปที่ การสื่อสารแบบอะซิงโคนัสที่ใช้พารีตี้บิต
     จากรูปจะเห็นว่าขณะที่ไม่มีข้อมูลส่งออกมาสถานะของการส่งจะเป็นแบบว่าง (Idle) ซึ่งจะมีระดับของสัญญาณเป็น ตลอดเวลา เพื่อความแน่ใจว่าปลายทาง หรือฝ่ายรับยังคงติดต่อกับต้นทาง หรือฝ่ายส่งอยู่ เมื่อเริ่มจะส่งข้อมูลสัญญาณของอะซิงโคนัสจะเป็น หนึ่งช่วงสัญญาณนาฬิกา ซึ่งบิตนี้เราเรียกว่าบิตเริ่มต้น ตามหลังของบิตเริ่มต้นจะเป็นบิตข้อมูลสำหรับ ตัวอักษร ตามหลังบิตข้อมูลก็จะเป็นบิตตรวจข้อผิดพลาด แล้วจะตามด้วยบิตสิ้นสุด ถ้าไม่ใช่บิตตรวจข้อผิดพลาด ตามหลังบิตข้อมูลก็จะเป็นบิตสิ้นสุดเลย หลังจากนั้นถ้าไม่มีข้อมูลส่งออกมาสัญญาณจะกลับไปอยู่ที่สถานะแบบว่างอีก เพื่อรอการส่งข้อมูลต่อไป
   จะเห็นว่าการสื่อสารแบบอะซิงโคนัสนี้ มีลักษณะเป็นไปทีละตัวอักษร และสัญญาณที่ส่งออกมา มีบางส่วนเป็นบิตเริ่มต้น บิตสิ้นสุด และบิตตรวจข้อผิดพลาด ทำให้ความเร็วในการส่งข้อมูลต่อวินาทีน้อยลงไป เนื่องจากต้อง สูญเสียช่องทางการสื่อสารให้กับ บิตเริ่มต้น บิตสิ้นสุด และบิตตรวจข้อผิดพลาด (ถ้ามีใช้) ตลอดเวลา การสื่อสาร แบบอะซิงโคนัสนี้มักใช้ในการติดต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์รอบข้าง

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

รูปแบบการส่งข้อมูลแบบขนานและแบบอนุกรม

รูปแบบการส่งข้อมูล แบบขนาน และแบบอนุกรม

       การส่งข้อมูลในระบบเครือข่าย สามารถทำได้ 2 ลักษณะ คือ การส่งแบบขนาน และการส่งแบบอนุกรม

       การส่งแบบขนาน
 (parallel transmission) คือการส่งข้อมูลพร้อมกันทีละหลาย ๆ บิตในหนึ่งรอบสัญญาณนาฬิกา โดยการส่งจะรวมบิต 0 และ 1 หลาย ๆ บิตเข้าเป็นกลุ่มจำนวน n บิต ผู้ส่งส่งครั้งละ n บิต ผู้รับจะรับครั้งละ n บิตเช่นกัน ซึ่งจะคล้ายกับเวลาที่เราพูดคุยเราจะพูดเป็นคำ ๆ ไม่พูดทีละตัวอักษร
       กลไกการส่งข้อมูลแบบขนานใช้หลักการง่าย ๆ เมื่อส่งครั้งละ n บิต ต้องใ้ช้สาย n เส้น แต่ละบิตมีสายของตนเอง ในการส่งแต่ละครั้งทุกเส้นต้องใช้สัญญาณนาฬิกาอันเดียวกัน ทำให้สามารถส่งออกไปยังอุปกรณ์อื่นพร้อมกันได้

       รูปแสดงการส่งข้อมูลแบบขนาน โดยให้ n=8 โดยทั่วไปแล้วปลายของสายทั้ง 2 ข้างจะถูกต่อด้วยคอนเน็กเตอร์ด้านละ 1 ตัว ข้อดีของการส่งข้อมูลแบบขนานคือ ความเร็ว เพราะส่งข้อมูลได้ครั้งละ n บิต ดังนั้น ความเร็วจึงเป็น n เท่าของการส่งแบบอนุกรม แต่ข้อเสียที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่าย ทั้งนี้เพราะต้องใช้สายจำนวน n เส้น
       ตัวอย่างการส่งข้อมูลแบบขนาน เช่น การส่งข้อมูลภายในระบบบัสของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือการส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องพิมพ์ (printer) เป็นต้น
 



วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สัญญาณอนาล็อกและสัญญาณดิจิตอล

สัญญาณอนาล็อก



                   สัญญาณอนาล็อก (Analog Signal) เป็นสัญญาณแบบต่อเนื่อง มีลักษณะเป็นคลื่นไซน์ (sine wave) โดยที่แต่ละคลื่นจะมีความถี่และความเข้มของสัญญาณที่ต่างกัน เมื่อนำสัญญาณข้อมูลเหล่านี้ผ่านอุปกรณ์รับสัญญาณและแปลงสัญญาณก็จะได้ข้อมูลที่ต้องการ ตัวอย่างของการส่งข้อมูลที่มีสัญญาณแบบอนาล็อก คือ การส่งผ่านระบบโทรศัพท์
                    สัญญาณอนาล็อก เป็นสัญญาณที่มักเกิดขึ้นในธรรมชาติเป็นสัญญาณที่มีความต่อเนื่อง ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สัญญาณแบบนี้ เช่น เสียงพูด เสียงดนตรี เป็นต้น


สัญญาณคลื่นนำ (Carrier Wave)

             สัญญาณคลื่นนำ หมายถึง พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ช่วยนำสัญญาณข้อมูลเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูง สามารถส่งผ่านสื่อกลางไปในระยะไกลๆได้

การแปลงข้อมูลอนาล็อกให้เป็นสัญญาณอนาล็อก

      - การมอดูเลตชนิดเปลี่ยนความสูงของคลื่นนำ (Amplitude Modulation: AM)
      - การมอดูเลตชนิดเปลี่ยนความถี่ของคลื่นนำ   (Frequency Modulation: FM )

      - การมอดูเลตชนิดเปลี่ยนเฟสของคลื่นนำ  (Phase Modulation: PM )

การแปลงข้อมูลดิจิตอลให้เป็นสัญญาณอนาล็อก



      -